ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา มีช้างที่ต้องตายไปจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์แบบเป็นทางการมากถึง 36 เชือก ด้วยกัน ซึ่งปีนี้มีช้างที่ตายพราะไวรัสเฮอร์ปีส์ไปแล้ว 10 เชือก เมื่อเทียบกับ จำนวนช้างเกิดใหม่ในแต่ละปีนั้นถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากจนน่าตกใจ
เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ช้างเด็กวัย 2 ปีที่กำพร้าแม่ ต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ด้วยอาการขับถ่ายผิดปกติ จากความซุกซนที่กินดินเข้าไป หลังรับการรักษาอาการต่างๆดีขึ้น ช้างน้อยมีความร่าเริงตามนิสัยช้างเด็ก แต่จู่ๆก็มีอาการซึม ไม่กินอาหาร หลังจากนั้นแพทย์ตรวจพบว่าเป็น โรคเฮอร์ปีส์ไวรัส (Elephant Endotheliotropic Herpes Virus:EEHV) ซึ่งแพทย์คาดว่าไวรัสที่อยู่ในร่างกายกำเริบ จากอากาศที่เปลี่ยนแปลง และร่างกายช้างน้อยอยู่ในช่วงที่อ่อนแอ
เชื้อไวรัสชนิดนี้ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวัคซีนป้องกัน จึงเป็นเชื้อที่อันตรายอย่างมาก และน่าห่วงว่า จะเป็นสาเหตุที่คร่าชีวิตช้างน้อยของไทยลงไปทีละเชือก ซึ่งเชื้อส่วนใหญ่จะแสดงอาการในช้างน้อยจนทำให้ป่วยและเป็นอันตรายถึงชีวิตช้าง
โดยวิธีการรักษาในปัจจุบันนี้ก็ทำได้แต่เพียงควบคุมเชื้อไวรัส ให้อาหารช้างได้กินอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีร่างกายแข็งแรงแต่หากช้างเชือกใดมีร่างกายที่อ่อนแอ ก็จะทำให้มีความเสี่ยงสูงที่เชื้อไวรัสดังกล่าวจะคร่าชีวิตได้เหมือนกัน